วัน พฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ 2006
ผู้ทำประตู จูเซ็ปเป้ รอสซี่ น. 23 (จุดโทษ), 66, 84, ฌอน อีแวนส์ น. 47
รอสซี่ พังประตูอย่างเยือกเย็นช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นจ่าฝูงต่อไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืนฟอร์มเก่งหลังจากเริ่มเกมอย่างเชื่องช้าเก็บ 3 คะแนนเต็มในการพบกับนิวคาสเซิล และรักษาตำแหน่งจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ รีเสิร์ฟ ลีก นอร์ธ เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยความช่วยเหลือจากแฮททริกของจูเซ็ปเป้ รอสซี่ และประตูแรกในทีมสำรองของฌอน อีแวนส์
เรเน่ เมลเลนสทีน ใส่ชื่อนักเตะชุดที่แข็งแกร่งต้อนรับการมาเยือนของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันพฤหัสบดี
เคราร์ด ปิเก้ ซึ่งได้ลงเล่นฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 19 ปี, จูเซ็ปเป้ รอสซี่, ฟิล บาร์ดสลี่ย์ และริทชี่ โจนส์ ลงเล่นพร้อมกับประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่ โดยปิศาจแดง ต้องการรักษาช่วงคะแนนที่นำมิดเดิ้ลสโบรซ์ เอาไว้
ฟิล มาร์ช แบ็คขวาจำเป็น และคีแรน ลี ยังคงเป็นกองหลังตัวริมเส้น โดยฟิล บาร์ดสลี่ย์ และเคราร์ด ปิเก้ ลงเล่นเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ในขณะที่ผู้รักษาประตูเป็นลุค สตีล
สำหรับคู่มิดฟิลด์ตัวกลางได้ดาร์รอน กิ๊บสัน หายกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และริทชี่ โจนส์ กลับคืนสู่ทีมหลังจากถูกเรียกตัวกลับมาจากอันท์เวิร์ป ในขณะที่มาร์คุส นอยมาร์ และไคล์ มอแรน ลงเล่นเป็นปีก
ในแผงกองหน้า จูเซ็ปเป้ รอสซี่ และเฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ คู่หัวหอกที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักยังคงได้ลงเล่นต่อไป โดยในเกม 2 นัดหลังสุดกองหน้าคู่นี้ซัดไปรวมกัน 7 ประตู
ทีมเยือนเริ่มต้นเกมได้อย่างสนุกและโชคไม่ดีถึง 2 ครั้งที่ไม่ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะชุลมุมหน้าปากประตู ก่อนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จจากเหตการณ์ที่น่ากังขาในนาทีที่ 23
รอสซี่ เปิดบอลให้แคมป์เบลล์ ในกรอบเขตโทษ และแม้ว่าบอลที่จ่ายคืนกลับมาซึ่งถูกตัดเอาไว้ได้ดูเหมือนว่าไปโดนหน้าอกของไมเคิล เอ็ดการ์ กองหลังของนิวคาสเซิล แต่ผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษในทันที
กองหน้าชาวอิตาลี สังหารลูกจุดโทษไม่พลาด ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 โดยไม่สมควรนัก และประตูนี้เป็นการปลุกลูกทีมของเมลเลนสทีน ให้กลับมามีชีวิตชีวา
เมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง แคมป์เบลล์ ไหลบอลขวางในกรอบเขตโทษเพื่อจะให้รอสซี่ ได้ยิง แต่เขาเข้ามาช้าไปเพียงเสี้ยววินาที
แคมป์เบลล์ เกือบจะทำประตูได้จากลูกโหม่ง ในขณะที่ปิเก้ ก็พลาดโอกาสงามจากลูกโหม่ง และรอสซี่ ยิงด้วยเท้าขวาไปติดบล็อก ก่อนที่ครึ่งเวลาแรกจะจบลงไป โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลังได้เพียง 2 นาที ฌอน อีแวนส์ ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองก็ซัดประตูสุดสวยเป็นประตูที่ 2 ของทีม
เพียงการสัมผัสบอลครั้งที่ 3 ของเขาเท่านั้นหลังจากลงสนามมาแทนไคล์ มอแรน โดยอีแวนส์ วิ่งเข้าหาบอลที่โหม่งส่งคืนหลังไม่ดี ก่อนที่จะจับบอลแล้วซัดอย่างสุดงามเข้าไปเสียบมุมที่เสาไกล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปเป็น 2-0
อีกเพียง 1 นาทีต่อมา อีแวนส์ ก็เกือบจะทำประตูได้อีกครั้ง คราวนี้เป็นลูกยิงวอลเล่ย์ระยะ 25 หลาซึ่งไปติดมือผู้รักษาประตูชาวดัตช์ของนิวคาสเซิล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเดินหน้าบุกกดดัน แต่อีแวนส์ ต้องพบกับปัญหาอาการบาดเจ็บน่ากังวลที่ข้อเท้า เมื่อเขาพยายามจะหยุดบนหญ้าที่เป็นน้ำแข็ง หลังจากการปฐมพยาบาลไม่กี่นาที เขาก็กลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง เป็นการช่วยลดความกังวลในเกมเอฟเอ ยูธ คัพ ที่จะพบกับชาร์ลตัน ในสัปดาห์หน้า
ปิเก้ ถูกปฏิเสธประตูฉลองวันคล้ายวันเกิด เมื่อลูกยิงไม่เต็มเท้าของเขาถูกสกัดออกมาจากเส้นประตู ก่อนที่ทั้งนอยมาร์ และรอสซี่ ก็เกือบจะทำประตูได้เช่นกัน
หลังจากนั้น นอยมาร์ ได้ซัดฮาล์ฟวอลเล่ย์อย่างสุดยอดไปชนคานเต็มๆ โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมบุกกดดันเพื่อจะฝังทีมเยือนให้มิด
ครึ่งหลังผ่านไปได้ 21 นาที ปิศาจแดง ก็มาได้ประตูที่ 3 ซึ่งสวยงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง โดยมาจากการเล่นฟุตบอลเกมรุกที่ยอดเยี่ยมซึ่งเมลเลนสทีน ได้ปลูกฝังเอาไว้ในทีม
นอยมาร์ กัปตันทีมพาบอลหาที่ว่างให้ตัวเองทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนที่จะเปิดบอลอย่างสุดยอดไปที่เสาแรก แล้วรอสซี่ ก็ทำหน้าที่โหม่งบอลเข้าไปเสียบมุมบนจากระยะใกล้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่าง 3-0
นิวคาสเซิล ไม่สามารถสร้างอันตรายได้เลยในครึ่งหลัง และฟิล มาร์ช ซึ่งเล่นได้อย่างโดดเด่นมีโอกาสยิงเต็มข้อจากระยะไกล แต่บอลลอยข้ามคานออกไป
เหลือเวลาการแข่งขันอีก 6 นาที อีแวนส์ แทงบอลให้รอสซี่ หลุดทะลุขึ้นไปทางฝั่งซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ดาวยิงร่างเล็ก จะซัดจากระยะ 15 หลาเบียดเสาแรกเข้าประตูไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำห่างสุดกู่ 4-0 ก่อนที่จะหมดเวลาการแข่งขันไป
รอสซี่ ทำสถิติยิงประตูได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยทำได้ 18 ประตูจากการลงเล่น 15 นัดในฤดูกาลนี้ ช่วยให้ทีมสำรองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน โดยมี 1 คะแนนมากกว่ามิดเดิ้ลสโบรซ์ ที่ตอนบนสุดของตาราง และลงเล่นน้อยกว่า 2 นัด
รายชื่อผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุค สตีล, ฟิล มาร์ช, คีแรน ลี, ฟิล บาร์ดสลี่ย์ (เคร็ก แคธคาร์ท น. 81), เคราร์ด ปิเก้, ริทชี่ โจนส์, มาร์คุส นอยมาร์, ดาร์รอน กิ๊บสัน, เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ (เฟเบียน แบรนดี้ น. 74), จูเซ็ปเป้ รอสซี่, ไคล์ มอแรน (ฌอน อีแวนส์ น. 46)
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์, แดนนี่ โรส
DaKinG

By Max